แบรนด์ Sai-Ngam
“ขนมไทย” มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ครั้งอดีตกาลครั้งยังเป็นสยามประเทศได้ติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ โดยส่งเสริมการค้าขายสินค้าซึ่งกันและกัน ตลอดจนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านอาหาร ที่ก่อกำเนิดภูมิปัญญาไทยหลากหลายอย่างให้สืบสานต่อทั้งวิถีชีวิตประเพณี วัฒนธรรม ในสมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้น เป็นต้นว่างานบุญ งานเทศกาล งานประเพณี ศาสนา งานมงคล หรือต้อนรับแขกสำคัญ ทั้งนี้ขนมไทยก็มักมีชื่ออันเป็นมงคลและมีความหมายไปในทางที่ดี
ต่อมาในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อการค้าเจริญเติบโตขึ้น ได้มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่างๆ อย่างกว้างขวางมากขึ้น คนไทยได้รับเอาวัฒนธรรมด้านอาหารของชาติต่าง ๆ มาดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น วัตถุดิบที่หาได้ เครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนการบริโภคนิสัยแบบไทย ๆ จึงนับว่าเป็นยุดที่ขนมไทยเป็นที่นิยม จนทำให้คนรุ่นหลังได้สืบทอดวัฒนธรรมการบริโภคขนมไทย ทำให้ในปัจจุบัน เราสามารถหารับประทานขนมไทยในรูปแบบประยุกต์ได้อย่างแพร่หลาย
“ขนมไทย” มีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทย เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของประเทศไทยมานับพันปี ถือเป็นเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของชาติซึ่งอยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างช้านาน เป็นหัตถกรรมความอร่อยที่แสดงออกถึงความอ่อนช้อยของความเป็นไทย บ่งบอกถึงลักษณะนิสัยของคนไทย เพราะขนมแต่ละชนิดล้วน มีเสน่ห์ แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนในการเลือกสรรวัตถุดิบ วิธีการทำที่พิถีพิถัน สีสันสวยงามจากธรรมชาติ มีกลิ่นหอม รสชาติ รูปลักษณ์ และกรรมวิธีการรับประทานของขนมที่ละเมียดละไม แตกต่างกันไปตามลักษณะของขนมนั้นๆ ซึ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนไทยที่เป็นสังคมเกษตร มีผลิตผลทางธรรมชาติอยู่มากมาย สามารถนำวัตถุดิบมีอยู่ในท้องถิ่นมาปรุงแต่งเป็นของหวานได้มากหลายชนิด
“Sai –Ngam” เป็นขนมไทยประยุกต์ ที่นำเสนอในรูปแบบแปลกใหม่ ทันสมัยและสะดวกต่อการบริโภค โดยเน้นไปที่ขนมไทยโบราณหรือขนมชาววังแบบดั้งเดิม ที่มีความพิถีพิถันและปราณีตในการคัดสรรวัตถุดิบจากธรรมชาติที่คุณภาพสูง ไม่ส่งผลอันตรายต่อผู้บริโภค กรรมวิธีการผลิตที่สะอาด ปลอดภัย และพิถีพิถันตามแบบฉบับของขนมไทย ประยุกต์เข้ากับวัฒนธรรมการบริโภคของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซึ่งส่งผลให้ขนมมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม ชวนรับประทาน สะดวกในการบริโภคและพกพา สามารถเก็บไว้รับประทานได้นาน เหมาะกับสังคมดิจิตัลในปัจจุบัน และที่สำคัญยังคงมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมการบริโภคของคนไทย